ประโยชน์: คารอส มีผลต่อพืชในด้านการขยายขนาดผลให้มีความสม่ำเสมอในการพัฒนาของผล ทำให้สามารถเก็บผลผลิตได้พร้อมกัน คารอส ช่วยลดการหลุดร่วงของดอกและผลอ่อนในช่วงวิกฤต เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือแตกใบอ่อน คารอส ช่วยเพิ่มอายุการทำงานของใบให้สังเคาระห์แสงได้นานขึ้น สภาพที่ทนแดดในช่วงหน้าแล้งได้ยาวนานขึ้น ลดอาการใบไหม้แดด คารอส ฉีดพ่นได้ทั้งไม้ผล เช่น ทุเรียน มังคุด ส้ม ลองกอง แตงโม เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ พุทรา และชมพู่ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดพ่นเพื่อเก็บเกี่ยวได้มากและยาวนานขึ้น เช่น มะระ ถั่วฝักยาว พริก แตงกวา กระเจี๊ยบและอื่นๆ
วิธีใช้: ใช้อัตรา 10-20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
คำแนะนำ: ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกำกับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจ หรือ มีปัญหาสงสัยให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมเกษตรในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดเพราะจะเป็นอันตรายกับพืชได้
ข้อควรระวัง:
- โดยทั่วไปแล้วปุ๋ยเคมีพ่นทางใบพืชใช้ประโยชน์ได้น้อย ควรใช้เป็นปุ๋ยเคมีเสริมกับการให้ปุ๋ยเคมีทางดิน
- ควรพ่นในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น ในเวลาที่อากาศไม่ร้อน ลมไม่พัดแรง และคาดว่าฝนไม่ตก
- ขณะที่พ่น พืชต้องไม่เหี่ยวเฉา หรือขาดน้ำ
- การพ่น อย่าให้ถึงเปียกโชก เพราะจะทำให้เสียค่าปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพปุ๋ยเคมีที่ใช้พ่นทางใบ เมื่อตกลงดินจะมีประสิทธิภาพเท่ากับปุ๋ยเคมีที่ใส่ทางดิน
- ควรเก็บปุ๋ยเคมีในภาชนะที่ปิดมิดชิด ในที่ร่มและแห้ง และเก็บปุ๋ยเคมีไว้ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากมือเด็ก
- ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังหรือเข้าตา หากถูกผิดหนังหรือเข้าตา ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
- ปุ๋ยเหลวอาจมีก๊าซเกิดขึ้น และอาจเป็นอันตรายได้ง่าย ควรเปิดด้วยความระมัดระวัง